บุปผาสีคราม🌑☁️💮 - บุปผาสีคราม🌑☁️💮 นิยาย บุปผาสีคราม🌑☁️💮 : Dek-D.com - Writer

    บุปผาสีคราม🌑☁️💮

    ขออณุญาตโปรโมทนิยายนะคะ บทนำ ดินแดนแห่งนี้ถูกปกครองโดยตระกูลแห่งเซียนมาอย่างสงบสุขมานับหลายร้อยปี สามารถติดตามต่อได้ที่เพจ牡丹花นิยายดอกโบตั๋น

    ผู้เข้าชมรวม

    100

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    100

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 เม.ย. 63 / 21:59 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ขออณุญาตนะคะ เรามาโปรโมทนิยายของตัวเองที่แต่งขึ้นและอัพลงในแฟนเพจ 
    (เป็นนวนิยายเรท18+นะคะ)

    บทนำ
    ดินแดนแห่งนี้ถูกปกครองโดยตระกูลแห่งเซียนมาอย่างสงบสุขมานับหลายร้อยปีและแบ่งการปกครองออกสามดินแดนได้แก่ดินแดนทางเหนือดินแดนแห่งหมอกเฆษและสายน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งการเรียนรู้ ปกครองโดยตระกูลเจียง ดินแดนทางทิศตะวันออกดินแดนแห่งป่าและสมุนไพรปกครองโดยตระกูลหวัง ดินแดนทางทิศใต้ดินแดนแห่งการเพาะปลูกและการค้าขายปกครองโดยตระกูลอี้ทั้งสามตระกูลถูกแบ่งแยกการปกครองนี้โดยตระกูลมู่ ตระกูลแห่งเทพ

    "นี้ๆท่านพี่ใหญ่ ทำไมตระกูลของเราถึงใช้สีครามเป็นสีประจำตระกูลล่ะ?"เสียงที่สื่อถึงความสงสัยของเด็กชายตัวน้อยที่กำลังจับมือผู้เป็นพี่ชายไว้แน่น
    "น้องข้า..สีครามคือสีที่ใกล้เคียงกับท้องฟ้าสื่อถึงความกว้างไกลและเป็นอิสระ แต่ก็แฝงไปด้วยความลึกลับ..ดั่งเช่นท้องฟ้า..เจ้าลองสังเกตุดูสิท้องฟ้ากว้างไกลเพียงใด..บนท้องฟ้ามีก้อนเฆษ ก้อนเฆษที่อยู่กันเป็นก้อนกลุ่มแล้วแล้วเคลื่อนไหวเป็นอิสระ ก็เปรียบดังตระกูลของเราที่อยู่รวมกันในท่ามกลางท้องฟ้าสีครามนี้"เสียงของผู้พี่ตอบพร้อมกับเงยหน้ามองท้องฟ้า
    "แล้วทำไมไม่ใช้สีฟ้าล่ะ..ทำไมถึงเป็นสีคราม??"
    "เพราะสีฟ้าเป็นสีของท้องฟ้าไงล่ะ.."
    "เอ๋~อะไรของท่านพี่เนี้ย ข้าไม่เข้าใจ"
    "ข้าเชื่อว่าพอเจ้าโต เจ้าจะรู้เอง"
    "ปะ กลับบ้านกัน'เหว่ยจี' "
    พี่ข้าเคยพูดประโยชน์เช่นนั้นไว้กับข้าก่อนที่เราทั้งสองจะกลับบ้าน ข้าจำได้ดีว่าวันนั้นท้องฟ้าที่พี่ข้ามองเป็นสีอะไร..

    15ปีต่อมา
     
    ตรึง!!!
    "เราควรจะทำเช่นไรถ้าเหล่าอสูร ปีศาจ แข็งแกร่งขึ้นเพียงนี้หรือเป็นเพราะ'การฟื้นคืนครั้งใหม่'กัน!!!"ชายวัยกลางสวมชุดสี'เทาดำ'เอ่ยขึ้นพร้อมกับทุบโต๊ะจนสั่นสะเทือน
    "ใจเย็นก่อนท่านประมุขอี้ ถึงจะเป็นเพราะการฟื้นคืนครั้งใหม่แต่ข้าคิดว่ามันมีเหตุผลมากกว่านั้น"ชายผู้สวมชุดสี'คราม'ที่ดูสุขุมพอฟังเสียงแล้วดูน่าเกรงขามเอ่ยขึ้น
    "นั้นสิท่านประมุขอี้ ท่านประมุขเจียงก็พูดถูกข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน"เสียงของชายอีกคนที่นั่งอีกฝั่งของประมุขเจียงเอ่ยขึ้น
    "ข้าเข้าใจพวกท่านทั้งสองนะ ท่านประมุขเจียง ท่านประมุข'หวัง' แต่ข้ากังวลกับเหตุการณ์ตอนนี้เหลือเกินกลัวว่าสักวันเหล่าปีศาจจะบุกมาโจมตีในขณะที่ลูกศิษย์ทั้งหลายของเรากำลังฝึกฝนกันอยู่ ข้าว่าพวกเขายังไม่พร้อมที่จะสู้แน่"ประมุขอี้เอ่ยด้วยความเป็นห่วง
    "ข้าเชื่อว่าพวกปีศาจไม่บุกมาเร็วเช่นนี้หรอก..พวกมันต้องไปบุกที่' วิหารมุกวิญญาณ ' ของตระกูล'มู่'ตระกูลแห่งเทพก่อนแน่"ประมุขเจียงตอบพร้อมหยิบแผนที่ขึ้นมา
    "นั้นสิ..เพราะการฟื้นคืนครั้งใหม่เริ่มต้นที่นั้น..แต่ถึงจะเป็นตระกูลมู่แต่ข้าก็ยังเป็นห่วงอยู่ดีเพราะดูจากสถานการณ์แล้วเหมือนพวกปีศาจจะแกร่งขึ้นมากจริงๆ"ประมุขหวังพูดเสริม
    "แล้วท่านพอจะทราบไหม ท่านประมุขเจียงว่าใครคือผู้ฟื้นคืนครั้งใหม่นี้?"ประมุขอี้เอ่ยถามผลันมองที่แผนที่
    "ลูกสาวคนเล็กตระกูลมู่.."ประมุขเจียงตอบ
    "อะไรนะ!!นางยังอายุไม่ถึง20เลยทำไมประมุขมู่ทำเช่นนั้นล่ะ!!"
    "มันหมายความว่าไงกันให้ลูกสาวคนเล็กอายุเพียง17ขึ้นพิธี!!?"ประมุขหวังและประมุขอี้ตอบด้วยความตกใจ ตระกูลมู่เป็นตระกูลเทพจิ้งจอกที่สืบต่อกันมาหลายร้อยรุ่นและเป็นเพียงตระกูลเทพตระกูลเดียวที่ควบคุมเมือง ทั้งสามเอาไว้ให้เป็นหนึ่งจนถึงปัจจุบัน เมืองทั้งสามถูกปกครองโดยตระกูลแห่งเซียนแบ่งออกสามตระกูลได้แก่ ตระกูลเจียงอยู่ทิศเหนือสีประจำตระกูลสีคราม ตระกูลหวังอยู่ทิศตะวันออกสีประจำตระกูลสีขาวเขียวและตระกูลสุดท้ายทางทิศใต้ตระกูลอี้สีประจำตระกูลสีเทาดำ ทั้งสามตระกูลปกครองและร่วมมือกันปกป้องบ้านเมืองจากเหล่าปีศาจมาหลายร้อยรุ่นเช่นกัน..
    "เหตุที่ให้ลูกสาวคนเล็กขึ้นพิธีเพราะ..ลูกสาวคนรองถูกปีศาจฆ่าตายก่อนวันพิธี.."ประมุขเจียงตอบเสริมในมือหยิบแก้วชาขึ้นมาดื่ม
    "อะไรกัน..ทำไมประมุขตระกูลมู่ไม่เอ่ยบอกข่าวให้พวกข้าทั้งสองรู้เลยล่ะ"ประมุขอี้ถามพร้องจองประมุขเจียงเขม่ง
    "เพราะไม่อยากให้พวกท่านตื่นตูมและเกรงว่าคนรู้เยอะมันไม่ใช่เรื่องดี"
    "เอาเถอะ..พิธีจะเริ่มขึ้นในไม่กี่ชั่วยามแล้วหสังว่าตระกูลมู่จะปลอดภัย"ประมุขหวังเอ่ยขึ้นทำให้บรรยาการให้การพูดคุยนั้นดูหมนหมอง
    "เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก.."

    ในเวลาเดียวกันนั้น

    "ข้าไม่คิดเลยว่าท่านพ่อจะให้มาช่วยคุ้มครองลูกสาวตระกูลมู่.."เสียงของชายหนุ่มผู้สวมชุดสีครามพร้อมมีพู่กระดิ่งรูป'ดอกโบตั๋น'ข้างเอวแนบกระบี่คู่กาย นั่งบ่นพึมพำบนต้นไม้มาหลายชั่วยาม
    "เจ้าอย่าบ่นให้มากนักสิเหว่ยจี"เสียงของชายอีกคนที่สวมชุดเหมือนกันเอ่ยขึ้นฟังแล้วดูอายุมากกว่า
    "โถ่..พี่เหว่ยฟาน ท่านพี่ก็ใจเย็นจังนะ"เหว่ยจีบ่นพึมพำเล็กน้อยเพราะความเบื่อพร้อมกับเอามือจับพู่ประจำตระกูล
    !!!
    "พิธีเริ่มแล้ว"เสียงของเหว่ยฟานเอ่ยขึ้น
    ในพิธีฟื้นคืนครั้งใหม่หรือเรียกอีกชื่อคือพิธีมุกวิญญาณนี้จะเป็นการคืนมุกวิญญาณคืนสู่เจ้าของและมุขวิญญาณนั้นเปรียบเสมือนดังชีวิตของผู้เป็นเจ้าของ..แต่ถ้ามุกตกอยู่ในมือของผู้อื่นที่ไม่ใช่เจ้าของก็จะทำให้คนๆนั้นมีพลังที่แข็งแกร่งเกินต้านทานแต่ถ้าอยู่ในมือของคนตายก็จะสามารถฟื้นคืนชีพให้คนๆนั้นได้เช่นกัน ตระกูลมู่เป็นคระกูลเทพตระกูลเดียวที่ควบคุมวิญญานได้จึงเป็นตระกูลที่เหล่าปีศาจเกรงกลัวและมีเหล่าปีศาจที่จ้องจะเอามุกวิญญาณด้วย มุกวิญญานถ้าคืนให้เจ้าของจะถือว่าคนๆนั้นได้รับการยอมรับในฐานะเทพองค์ใหม่ของตระกูล
    "ข้าอยากเห็นหน้าเทพองค์ใหม่แล้วสิ.."เหว่ยจีเอ่ยพร้อมจ้องไปที่ลานวิหาร
    ในไม่กี่ชั่วยามนั้นก็มีขบวนไฟวิญญาณฟ้าเดินขบวนเข้ามาในลานกว้างใหญ่ของวิหารมีของบรรณาการมากมายพร้อมกับเหล่าภูตที่เรียงรายกันเป็นขบวน เสลี่ยงที่ถูกยกมาพร้อมกับขบวนก้าวเข้ามาใกล้ๆลานและวางลงนั้นเผยให้เห็นขาเรียวเนียนก้าวเท้าออกมาทั้งสองข้างอย่างช้าๆหญิงสาวรูปงามสง่าออกมาจากเสลี่ยง นางสวมชุดสีขาว(Dui Jin Ru Qun) ชายผ้าสีขาวยาวสลวยปลิวพัดไปมาตามสายลม ผมสีดำคล้ำยาวสลวยถึงเอวถูกตกแต่งด้วยปิ่นหยกและเครื่องประดับต่างๆ นัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกายยามค่ำคืน ริมฝีปากรูปกระจับถูกแต่งแต้มด้วยสีจากดอกกุหลาบแดงใบหน้าเล็กผ่องขาวเนียนถูกตกแต่งดูมีสีสันหุ่นผอมเพรียวบางหน้าอกหน้าตาใหญ่เกินตัว มือข้างซ้ายถือก้านไผ่ข้างขวาถือพู่กระดิ่งที่ถูกหมัดรวมกันนับสิบ ทันใดนั้นพิธีได้เริ่มต้นขึ้นหญิงสาวชุดขาวได้ร่ายรำดั่งผีเสื้อ นางได้เงยหน้ามองไปยังท้องฟ้าพร้อมกับร่ายรำ..
    "งดงามใช่ไหมล่ะ.."เหว่ยฟานเอ่ยขึ้นทั้งทีเงียบมานะ
    "งดงามเหลือเกิ-ก็ธรรมดานิ"เหว่ยจีตอบสดุดพร้อมกับทำท่าไม่รู้เรื่อง
    "ฮึ..น้องข้า"เหว่ยฟานหลุดขำออกมาเล็กน้อย พึ่งเคยพบเจอว่าน้องตัวเองก็เคลิ้มความงามของลูกสาวตระกูลมู่เพราะปกติน้องชายไม่สนใจหญิงเท่าไหร่เอาแต่ฝึกซ้อมฝึกฝนวิชา
    "ภารกิจของเราคือคุ้มครองนางนะท่านพี่ ท่านจะมาขำอะไรข้าล่ะ"
    "ข้าแค่พึ่งเคยพบเจอประสบการณ์ใหม่"
    "พูดอะไรของท่าน!!"
     กรี้ด!!!!!!! 
    ตู้มมมม!!!!!
    มีเสียงระเบิดดังขึ้นคนในงานต่างพากันวุ่นวาย อลวนไปหมดทุกคนต่างวิ่งหนีกันไปแต่ละทิศทางเหลือเพียงหญิงงามที่ยืนอยู่ตรงลานกว้างพร้อมกับถูกเหล่าปีศาจล้อมรอบในอ้อมกอดของนางมีมุกวิญญาณอยู่
    "เหว่ยจี!เจ้าไปช่วยนาง ข้าจะจัดการตัวที่เหลือเอง!!"เหว่ยฟานพูดเสร็จก็ อัญเชิญจิตวิญญาณลงสู่กระบี่พร้อมตวัดกระบี่ไปมา และลงไปต่อสู้กับเหล่าปีศาจ
    ทันใดนั้นเหว่ยจีกระโดดลงไปกลางลานวิหารพร้อมกับอุ้มหญิงสาวออกมาแต่ไม่ทันไรมุกวิญญาณก็หลุดออกจากอ้อมกอดของนางทำให้เหว่ยจีต้องใช้จิตของกระบี่ต่อสู้แทนตนเพื่อคุ้มกันมุก เขาไปพาหญิงสาวอกนอกพื้นที่วิหารแต่นางนั้นไปสลบไปแล้วเพราะตระกูลมู่ออกจากอนาเขตของตนเองไม่ได้ถ้าไม่มีมุกวิญญาณ เหว่ยจีเห็นดังนั้นจริงกลับเข้าไปให้วิหารเพื่อนำมุกกลับมาแต่พอไปถึงปีศาจนับสิบรายรอบมุกเอาไว้
    "บัดซบสิ้นดี!"
    เขาสบถคำเช่นนั้นออกมาก่อนที่จะอัญเชิญวิญญาณกระบี่ออกมาพร้อมกระโจนเข้าไปในเหล่าปีศาจก่อนที่จะตั้งค่ายยันต์สกดปีศาจเอาไว้และสลายมัน แต่มันคงไม่ง่ายเช่นนั้นเพราะปีศาจแข็งแกร่งเกินไปให้ค่ายกนธรรมดาไม่สามารถทำอะไรมันได้เหว่ยจีได้แต่คิดแล้วก็ถ่วงเวลาเพื่อไม่ให้ปีศาจหยิบมุกนั้นไป
    "ตั้งค่ายเซียน!!!"เหว่ยฟานตะโกนบอกน้องชาย
    "ถ้าทำงั้นมันรุนแรงไปนะท่านพี่!!!"
    "ถ้าไม่ทำคนที่นี้ก็ตายหมด!!!"
    "อึก.."
    เหว่ยฟานและเหว่ยจีหยิบยันต์ขึ้นมาพร้อมกับกระจายยันต์ออกไปเป็นหกทิศ แสดงให้เห็นค่ายกลวงเวทย์รูปดอกโบตั๋นขนาดใหญ่ล้อมวิหารเอาไว้ทำให้เหล่าปีศาจหลีกหนีออกไปไม่ได้ 
    "สลาย!!!!!" 
    ทันใดนั้นก็มีแสงจากท้องฟ้าลำแสงสีทองตกลงมาใส่เหล่าปีศาจที่อยู่ในวงเวทย์ เหล่าปีศาจค่อยๆสลายหายไป..
    เสียงโหยหวนของเหล่าปีศาจร้องเรียกด้วยความทุกข์ทรมานและสลายหายไป..
    "นี้มุกวิญญาณนิ"เหว่ยฟานหยิงมุขวิญญาณแล้วโยนให้เหว่ยจี
    "เฮ้! ท่านพี่ท่านจะโยนอย่างนี้ไม่ได้นะ!!"เหว่ยจีรับมุกแทบไม่ทัน
    "เอาไปให้นางซะก่อนที่นางจะตายจริงๆ ส่วนข้าจะจัดการตรงนี้เอง"เหว่ยฟานพูดก่อนจะกระโดดไปยังลานพิธี
    "อะไรกัน.."
    เหว่ยจีรับมุกมาและรีบไปหาหญิงสาวที่นั่งพิงต้นไม้นอกวิหาร..
    เขาคิดครู่หนึ่งว่าจะให้นางกินมุกยังไง 'เหลือแค่วิธีนี้สินะ' เขาพูดในใจก่อนจะนำมุกเข้าปากของตนแล้วค่อยๆก้มหน้าลงที่ใบหน้าหญิงสาว เขาจ้องหน้านางสักพักด้วยความงามอันน่าหลงใหลและน่ากลืนกิน..มือลูบริมฝีปากบางเบาก่อนที่เขาค่อยๆประกบริมฝีปากลงและส่งมุกให้นางแต่ด้วยความงามของนางทำให้เขาอดที่จะดื่มด่ำความหอมหวานจากริมฝีปากไม่ได้ จูบแห่งความกระหายนี้ทำให้หญิงสาวนั้นตื่น แต่ไม่ทันที่นางจะขัดขืนนางก็เคลิ้มไปกับรสจูบนี้ นางจูบตอบโดยไม่รู้ตัว ลิ้นของนางถูกดูดดื่มอย่างเร่าร้อนเหมือนถูกกลืนกินไปทั้งตัว ด้วยความที่เหว่ยจีห้ามใจตัวเองไม่อยู่เขาได้ก้มลงจูบลูบไล้ยังเนินอกและต้นคอของหญิงสาวและประทับลอยแดงฝากไว้..

    牡丹花??’?

    *สามารถติดตามต่อได้ที่เพจ牡丹花นิยายดอกโบตั๋น*
    ขอบคุณมากๆนะคะะะ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×